วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

ให้นักศึกษาตอบคำถามต่อไปนี้


1.เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างไร

ตอบ เทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาด้านศึกษา
ครรชิต มาลัยวงศ์ (
2540) และได้เสนอแนวทางการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการศึกษาไว้ 5 ประเด็น คือ
1.การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (
Computer Assisted Instruction) มีหลายรูปแบบเช่น Drill and Practice, Linear Program , Branching Program, Simulation, Game, Multimedia, Intelligence CAI
2.การศึกษาทางไกล (Distance Learning) ซึ่งจัดได้หลายรูปแบบ เช่น การใช้วิทยุ โทรทัศน์ การสื่อสารโดยใช้ระบบแพร่ภาพผ่านดาวเทียม (Direct to Home : DTH) หรือระบบการแระชุมทางไกล (Video Teleconference)
3.เครือข่ายการศึกษา (
Education Network) ซึ่งเป็นการนำเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาใช้ ซึ่งมีบริการในหลายรูปแบบ เช่น Electronic Mail , File Transfer Protocol, Telnet , World Wide Web เป็นต้น เครื่องข่ายคอมพิวเตอร์จะสามารถให้ผู้เรียนได้เข้าถึงแหล่งข้อมูลสารสนเทศที่มีจำนวนมากมายที่เชื่อมโยงในเครือข่ายทั่วโลก
4.การใช้งานในห้องสมุด (
Electronic Library) เป็นการประยุกต์ใช้ในการสืบค้นข้อมูลหนังสือ วารสาร หรือบทคัดย่อวิทยานิพนธ์ ผลงานการวิจัย
5.การใช้งานในห้องปฏิบัติการ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการจำลองสถานการณ์ (
Simulation) การใช้ในงานประจำและงานบริหาร (Computer Manage Instruction) เป็นการประยุกต์ใช้ในสำนักงานเพื่อช่วยในการบริหาร จัดการ ทำให้เกิดความคล่องตัว รวดเร็วและแม่นยำ การตัดสินใจในการดำเนินการต่างๆ ย่อมเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ
เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทในด้านเศรษฐกิจโดยสามารถนำมาประยุกต์ใช้ประโยชน์และเพิ่มขีดสามารถในการแข่งขันทั้งภาคการผลิตและบริการ ภาคการเงินการคลังทั้งภายใน ประเทศ และเพื่อการส่งออก อีกทั้งยังประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

2.สารสนเทศสนับสนุนงานขององค์กรอย่างไร บ้าง จงอธิบายพร้อมให้เหตุผลประกอบ

ตอบ ระบบสนับสนุนเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมเป็นหลัก ความพิเศษของเทคโนโลยีทั้งสองนี้ก็ตรงที่ ต่างเป็นเทคโนโลยีที่เสริมซึ่งกันและกัน กล่าวคือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพหากเป็นเทคโนโลยีเดี่ยว

ระบบสนับสนุนเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบไปด้วย หลักสำคัญในการจัดการสารสนเทศเป็นจำนวนมากซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ในทางรูปแบบแนวคิดของการนำไปใช้นั้นจะมีรูปแบบที่ชัดเจนสามารถใช้วิเคราะห์และจัดการได้จากแนวคิดและแนวทางการจัดการสารสนเทศได้ตาม แนวความคิดที่ตกผลึกของกระบวนการจัดส่วนประกอบอื่นๆที่ช่วยสนับสนุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ

นอกจากแนวคิดระบบใหม่ๆที่ช่วยสนับสนุนสารสนเทศได้แล้ว ยังมีส่วนประกอบอื่นๆที่เกิดขึ้นมาเพื่อสนับสนุนแนวคิดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น Service-oriented architecture (SOA)
คือ การนำแนวคิดด้านสถาปัตยกรรมแอปพลิเคชันที่มีการเรียกใช้บริการที่อยู่บนเน็ตเวิร์คหรืออินเทอร์เน็ต หรือมี การให้บริการแก่แอปพลิเคชันอื่นๆ ในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีให้กับองค์กร โดยอาศัยหลักการเว็บเซอร์วิสซึ่งเป็นแค่เครื่องมือในการใช้งานภายในองค์กรถือเป็นแนวคิดที่ต้องสร้างเองในองค์กร

3.เทคโนโลยีสารสนเทศสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างไรบ้าง

ตอบ องค์กรต่างๆ มีวัตถุประสงค์ที่จะบรรลุผลสำเร็จและก่อให้เกิดความได้เปรียบที่เหนือกว่าคู่แข่งขัน โดยการนำเอาเทคโนโลยีของเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้น เช่น การควบคุมสิทธิของการใช้งานให้ผู้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวสามารถทำงานร่วมกันได้ การที่มีข่าวสารหรือสารสนเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องมีคลังในการจัดเก็บข้อมูลข่าวสารเหล่านั้นที่เป็นระบบ จึงมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดการกับเอกสาร ระบบการจัดการที่ช่วยในการตัดสินใจสำหรับผู้บริหาร การใช้โปรแกรมเชิงวัตถุ (object - oriented programming) ในการสร้างเว็บไซด์เพื่อการทำธุรกรรมทางการค้า เนื่องจากมีการผลิตเทคโนโลยีที่สามารถพกพาไปไหนได้อย่างสะดวก เช่น PDA , LAPTOP เป็นต้น ทำให้ง่ายสำหรับการทำงาน

4. ให้นักศึกษาอธิบายหัวข้อต่อไปนี้

ระบบสารสนเทศด้านการจัดการโซ่อุปทาน

โซ่อุปทาน หรือ ห่วงโซ่อุปทาน หรือ เครือข่ายลอจิสติกส์ คือ การใช้ระบบของหน่วยงาน คน เทคโนโลยี กิจกรรม ข้อมูลข่าวสาร และทรัพยากร มาประยุกต์เข้าด้วยกัน เพื่อการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือบริการ จากผู้จัดหาไปยังลูกค้า กิจกรรมของห่วงโซ่อุปทานจะแปรสภาพทรัพยากรธรรมชาติ วัตถุดิบ และวัสดุอื่นๆให้กลายเป็นสินค้าสำเร็จ แล้วส่งไปจนถึงลูกค้าคนสุดท้าย (ผู้บริโภค หรือ End Customer) ในเชิงปรัชญาของโซ่อุปทานนั้น วัสดุที่ถูกใช้แล้ว อาจจะถูกนำกลับมาใช้ใหม่ที่จุดไหนของห่วงโซ่อุปทานก็ได้ ถ้าวัสดุนั้นเป็นวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Recyclable Materials) โซ่อุปทานมีความเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่คุณค่า

ระบบสารสนเทศด้านการจัดการลูกค้าสัมพันธ์

การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยการใช้เทคโนโลยีและการใช้บุคลากรอย่างมีหลักการจะช่วยให้เกิดการบริการลูกค้าที่ดีขึ้น การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมในการใช้จ่ายและความต้องการของลูกค้า ทำให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือการบริการรวมไปถึงนโยบายในด้านการจัดการ ซึ่งมีเป้าหมายสุดท้ายในการเปลี่ยนจากผู้บริโภคไปสู่การเป็นลูกค้าตลอดไป CRM เข้ากับเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังลดความสลับซับซ้อนที่อาจจะยังไม่ทราบได้ว่าจะเริ่มแก้จากตรงจุดไหน หน้าที่งานของระบบ CRM มักจะรวมถึง ระบบการบริหารการขาย ระบบการตลาดแบบอัตโนมัติ ระบบรองรับการบริการลูกค้า และระบบลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center)

ระบบสารสนเทศด้านการวางแผนทรัพยากรองค์กร

ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์การ (Enterprise Resource Planning : ERP) เป็นระบบสารสนเทศที่บูรณาการงานหลักต่างๆ ขององค์การ เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การผลิต การขาย การบัญชี และการบริหารบุคคล ฯลฯ เข้าด้วยกันโดยเชื่อมโยงกันแบบเรียลไทม์ (Real Time) เพื่อตอบสนองความต้องการข้อมูลหรือสารสนเทศโดยภาพรวมและการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบสารสนเทศด้านการจัดการความรู้

ระบบสารสนเทศเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการสนับสนุนการไหลของข้อมูลความรู้ขององค์การ ซึ่งระบบสารสนเทศที่ออกแบบในการสนับสนุนดังกล่าวมีดังนี้

ระบบสำนักงานอัตโนมัติ ( Office Automation Systems ) เป็นระบบที่สนับสนุนการกระจายและประสานการไหลของสารสนเทศขององค์การ

ระบบงานความรู้ ( Knowledge Work Systems ) เป็นระบบที่ช่วยสนับสนุนกิจกรรมของบุคลากรวิชาชีพที่มีความรู้และทักษะเฉพาะทาง เพื่อสร้างความรู้ใหม่และจัดเก็บไว้เป็นทรัพย์สินในองค์การ

ระบบทำงานกลุ่มร่วมกัน ( Group Collaboration Systems ) เป็นระบบที่สนับสนุนการสร้างและแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างบุคลากรในทีมงาน

การจัดทำระบบสารสนเทศดังกล่าวข้างต้นจะต้องมีการจัดทำฐานความรู้ขององค์การ ( Organization Knowledge Base ) ที่ประกอบด้วย

โครงสร้างความรู้ภายใน ( Structured Internal Knowledge ) เช่น คู่มือ ผลิตภัณฑ์ รายงานการวิจัย เป็นต้น

ความรู้ภายนอก ( External Knowledge ) เช่น ข้อมูลคู่แข่ง ข้อมูลทางการตลาด

ความรู้ภายในที่ไม่เป็นทางการ ( Informal Internal Knowledge ) หรือ Tacit Knowledge ที่เก็บอยู่ในตัวสมาชิกหรือพนักงานแต่ละคนขององค์การ แต่ไม่ได้นำมาเรียบเรียงเป็นเอกสารที่เป็นทางการ

ระบบสารสนเทศด้านอัจริยะทางธุรกิจ

ปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจทวีความรุนแรงและเข้มข้นมากขึ้น อันเป็นผลมาจากความคาดหวังของผู้บริโภคที่มีต่อองค์กรธุรกิจเอง รวมทั้งความสะดวกและง่ายดายในการเข้าถึงข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพื่อซื้อสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารบนอินเทอร์เน็ต และจากสังคมออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter หรือ Platform อื่นๆ ทำให้ผู้บริโภคมีความรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการมากพอสำหรับการวิเคราะห์ความคุ้มค่าในแง่มุมต่างๆ ก่อนตัดสินใจ ซื้อ สิ่งเหล่านี้ทำให้องค์กรธุรกิจ หรือแม้กระทั่งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการให้บริการต่างๆ จำเป็นที่ จะต้องปรับตัวในการดำเนินธุรกิจเพื่อความอยู่รอด เครื่องมือต่างๆ ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อใช้ในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ถูกนำมาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจก็คือ ระบบสารสนเทศอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ (Business Intelligence) ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือสามัญประจำองค์กรอย่าง Microsoft Excel ที่สามารถนำมาประยุกต์ ใช้เป็นกระดาน Business Intelligence (BI) อย่างง่ายได้ หรือแม้กระทั่งการซื้อ Proprietary BI หรือการพัฒนาแบบ Tailor made ขึ้นมาใช้งานเป็นการเฉพาะก็ตาม ในซีรี่ย์ของการสัมมนาและ Masterclass นี้จะนำท่านไปรู้จักกับระบบ BI ทั้งในแง่ของกลยุทธ์ การบริหารจัดการ การเลือก/พัฒนาเครื่องมือที่เหมาะกับองค์กรของท่าน รวมทั้งตัวอย่างกรณี ศึกษา ปัญหาและอุปสรรคและแนวทางการแก้ไข จากองค์กรชั้นนำของประเทศไทย



ที่มา : http://www.kmitl.ac.th/agritech/nutthakorn/04093009_2204/isweb/Lesson%207.htm






นางสาวอมรรัตน์ ระดมบุญ ชั้น บ.กจ.3/2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น